วันพฤหัสบดีที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2553

ดูแลสุขภาพด้วย น้ำข้าวกล้องงอก






เวลานี้อาหารสุขภาพยอดฮิตที่ถูกถามหากันมากที่สุด คงหนีไม่พ้น "น้ำข้าวกล้องงอก" เป็นแน่"น้ำข้าวกล้องงอก"ได้รับความสนใจและเป็นที่ต้องการเป็นพิเศษ วันนี้เราเลยนำเรื่องราวของข้าวกล้องงอกมาฝาก พร้อมวิธีทำน้ำข้าวกล้องงอกด้วยค่ะ

เรื่องราวของ "ข้าวกล้อง" และ "ข้าวกล้องงอก"

       สำหรับข้าวกล้องนี้ถือว่าเป็นเมนูยอดฮิตของคนรักสุขภาพเลยทีเดียว โดยข้าวกล้องนั้น ก็คือข้าวที่ผ่านกรรมวิธีการสีเพียงครั้งเดียว เพื่อให้เปลือก (แกลบ) หลุดออกไป ดังนั้นจึงยังมีจมูกข้าว และเยื่อหุ้มเมล็ดข้าวที่เป็นสีน้ำตาลและสีแดง  (รำ) เหลืออยู่ ต่างจากข้าวประเภทอื่นๆที่เรารับประทานกันอยู่ทุกวัน ซึ่งจมูกข้าวและเยื่อหุ้มเมล็ดข้าวหลุดลอกออกไปหมดแล้ว

       จมูกข้าวและเยื่อหุ้มเมล็ดข้าว (รำ) นี่แหละค่ะที่เป็นแหล่งอุดมไปด้วยกรดไฟติก (Phytic acid) วิตามินบี 1 บี 2 บี 6 บี 12 วิตามินซี วิตามินอี สารกาบา (Gamma amino butyric acid) เส้นใยอาหาร และสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ล้วนแต่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย แต่คนส่วนใหญ่กลับไม่นิยมรับประทานข้าวกล้องมากนัก ด้วยข้าวกล้องจะมีเนื้อแข็ง เพราะมีกากเยอะจึงไม่นิ่มเหมือนข้าวประเภทอื่นๆ ทำให้รู้สึกว่าทานไม่อร่อยนั่นเอง
       ส่วนข้าวกล้องงอก เป็นเรื่องที่เพิ่งได้ยินกันไม่นานนี้เอง ซึ่งข้าวกล้องงอก (Germinated brown rice หรือ GABA-rice) เป็นข้าวกล้องที่ต้องนำมาผ่านกระบวนการงอกเสียก่อน พอนำข้าวกล้องมาแช่น้ำจนกลายเป็นข้าวกล้องงอกแล้ว จะทำให้ข้าวกล้องมีสารอาหารเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะสารกาบา และข้าวกล้องที่แช่น้ำทิ้งไว้แล้วเมื่อนำไปหุงก็จะได้ข้าวที่นุ่มน่ารับประทานกว่าข้าวกล้องธรรมดาด้วย

"สารกาบา" พระเอกของข้าวกล้องงอก

       สารกาบา หรือ Gamma amino butyric acid เป็นกรดอะมิโนจากกระบวนการ Decarboxylation ของ กรดกลูตามิก ( Gutamic acid) กรดนี้มีความสําคัญในการทำหน้าที่สารสื่อประสาท (Neurotransmitter) ในระบบประสาทส่วนกลาง และสารกาบายังเป็นสารสื่อประสาทประเภทสารยับยั้ง (Inhibitor) โดยจะทำหน้าที่รักษาสมดุลในสมอง ช่วยทำให้สมองผ่อนคลายและนอนหลับสบาย อีกทั้งยังทำหน้าที่ช่วยกระตุ้นต่อมไร้ท่อ (Anterior Pituitary) ซึ่งทำหน้าที่ผลิตฮอร์โมนที่ช่วยในการเจริญเติบโต (HGH) ทำให้เกิดการสร้างเนื้อเยื่อ ทำให้กล้ามเนื้อกระชับ และเกิดสาร Lipotropic ป้องกันการสะสมไขมัน
ประโยชน์ของข้าวกล้องงอก

      ประโยชน์ที่ได้จากการรับประทานข้าวกล้องงอกนั้น นอกจากจะเป็นประโยชน์ที่ได้รับจากสารกาบา ไม่ว่าจะเป็นช่วยให้สมองผ่อนคลาย ป้องกันโรคอัลไซเมอร์ บำรุงระบบประสาท หรือลดความดันโลหิตแล้ว การรับประทานข้าวกล้องงอกยังช่วยลดความเสี่ยงจากโรคมะเร็ง โรคเบาหวาน ช่วยระบบย่อยอาหาร ช่วยให้สมองผ่อนคลาย นอนหลับสบาย และช่วยควบคุมน้ำหนักตัวได้ด้วย แถมยังช่วยชะลอการเสื่อมสภาพของเซลล์ ไม่ให้แก่ก่อนวัยได้อีก (สาวๆ ต้องฟังไว้) ถือได้ว่าแค่รับประทานข้าวกล้องงอกก็ครบถ้วนไปด้วยสารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายทั้งสิ้น

วิธีทำน้ำข้าวกล้องงอก

      1.คัดเลือกข้าวกล้อง โดยข้าวกล้องที่สามารถนำมาแช่น้ำให้เกิดการงอกได้ดีนั้นจะต้องเป็นข้าวกล้องใหม่ ที่ผ่านการกะเทาะเปลือกมาไม่เกิน 2 สัปดาห์ (ถ้าเป็นข้าวเก่า ส่วนปลายจะไม่สามารถงอกออกมาได้)


              2.นำเมล็ดข้าวกล้องใหม่นั้นมาซาวน้ำ ล้างเอากรวดทรายออกก่อนหนึ่งครั้ง
              3.นำข้าวกล้องไปแช่น้ำประมาณ 1 ลิตร ทิ้งไว้ประมาณ 5-6 ชั่วโมง จะเกิดเป็นตุ่มงอกสีขาวขึ้นมาที่เมล็ดข้าว


             4.จากนั้นนำข้าวขึ้นมาผึ่งให้แห้ง แล้วนำไปต้มให้เดือดโดยใช้ไฟปานกลาง แต่อย่าให้เดือดมาก เพราะถ้าร้อนมากไป สารกาบาจะถูกทำลายมาก แต่หากเดือดพอดีแล้วให้เคี่ยวต่อไปสัก 15-20 นาที สารกาบาจะยังเหลืออยู่ถึง 70% ซึ่งเป็นปริมาณที่เพียงพอต่อร่างกาย

        5.เสร็จแล้วให้ใช้ผ้าขาวบางหรือตะแกรงกรองน้ำข้าวมารับประทานได้ทันที หรือจะเติมเกลือ น้ำตาลเล็กน้อย เพื่อให้ได้รสชาติที่ถูกปากค่ะ

รู้อย่างนี้แล้ว ก็อย่าลืมลองไปทำน้ำข้าวกล้องงอกทานกันนะคะ เพราะแค่รับประทานข้าวกล้อง หรือ น้ำข้าวกล้องงอก เราก็จะได้รับสารอาหารที่ครบถ้วนมีประโยชน์ โดยไม่ต้องไปหาซื้ออาหารเสริมมารับประทานเลยล่ะ




วันจันทร์ที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

เมนูสุขภาพดี

เพราะสุขภาพเป็นเรื่องสำคัญ รู้ทันและเข้าใจลูกวัยรุ่น



อาหารลดอ้วนและอิ่มนาน 

 


หลังพบว่า โปรตีนจากเนื้อจะช่วยรักษามวลกล้ามเนื้อต่างๆ ขณะที่ ไข่ขาวและไข่แดง กินได้ไม่เป็นภัยกับหัวใจ และ แอปเปิ้บยังช่วยให้อิ่มนาน เพราะมีกากใยถึง 4-5 กรัมต่อลูก…
จากการศึกษาพบว่า อาหารและผลไม้บางอย่าง ซึ่งนอกจากไม่ทำให้อ้วนแล้ว ยังช่วยให้น้ำหนักลดลงด้วย มันอาจจะก่อความผิดคาดขึ้นบ้าง เมื่อยอดอาหารนำขบวนโดยสเต๊กเนื้อ ซึ่งวารสารวิชาการ “โภชนาการบำบัดอเมริกัน” เปิดเผยว่า มันทำให้น้ำหนักลดได้มากกว่า การบริโภคอย่างอื่น แต่จำกัดเนื้อสัตว์ ทั้งนี้ เนื่องจากโปรตีนในสเต๊กจะช่วยรักษามวลของกล้ามเนื้อต่างๆ ระหว่างที่น้ำหนักลดเอาไว้ให้


ไข่ เป็นยอดอาหารอีกอย่างหนึ่ง ผลการศึกษาของมหาวิทยาลัยรัฐหลุยเซียนา ของสหรัฐฯ แนะนำให้สวาปามทั้งไข่ขาวและไข่แดง ไข่ไม่เป็นภัยกับหัวใจ และยังช่วยลดพุงด้วย เคยมีผู้พยายามลดน้ำหนักกินไข่กับขนมปัง และเยลลี่ เป็นอาหารเช้า ลดน้ำหนักได้ มากกว่าผู้ที่กินขนมปังกับอย่างอื่น ที่ให้ปริมาณแคลอรีมากเท่าๆกัน แต่งดไข่ถึง 2 เท่า


ผลแอปเปิ้ล มหาวิทยาลัยเพนน์ สเตท ศึกษาพบว่า ผู้ที่กัดแอปเปิ้ลกินเคี้ยวกร้วมๆ รองท้องก่อนที่จะกินพาสต้า จะกินอาหารได้น้อยกว่าเพื่อนที่กินอย่างอื่นไปก่อน แอปเปิ้ลแต่ละลูกจะให้กากใยมากระหว่าง 4-5 กรัม จึงทำให้อิ่มทน ทั้งยังมีสารต่อต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยป้องกันโรคอันเกิดจากระบบเผาผลาญอาหารของร่างกายด้วย ซึ่งทำให้พุงออกได้ง่าย


ผักผลไม้ 7 ชนิดที่มีผลต่อสุขภาพของผู้หญิงโดยตรง



คนส่วนใหญ่ต่างรู้ประโยชน์ของผลไม้หรือผักว่ามีวิตามินและแร่ธาตุมากมาย แต่เชื่อไหมว่า ผลไม้บางชนิด มีแร่วิตามินและแร่ธาตุที่พิเศษแตกต่างกันออกไป..มีพืชผักผลไม้อยู่ 7 ชนิด ที่มีผล ‘โดยตรง’ กับสุขภาพของ ‘ผู้หญิง’.


ลูกพรุน : เป็นแหล่งโปแตสเซียม เหล็ก และไฟเบอร์ ที่สำคัญพรุนช่วยทำให้ผิวพรรณมีเลือดฝาด คงความเป็นหนุ่มเป็นสาว คนเรานั้นเมื่อผ่านช่วงสดใสของชีวิตคือวัย 25 ปี ร่างกายจะเริ่มเสื่อมโทรม ไขมันเริ่มเข้าสะสมตามที่ต่างๆ ใบหน้าที่เคยเอิบอิ่มด้วยเลือดฝาดก็เริ่มหมองคล้ำ ผิวพรรณจากสีชมพูระเรื่อก็เริ่มซีดโทรม ธาตุเหล็กที่มีมากในลูกพรุน จะช่วยดูแลเรื่องนี้ ควบคู่กับภาวะที่สตรีต้องสูญเสียเลือดและธาตุเหล็กไปกับประจำเดือนอีกด้วย
ถั่ว : อุดมไปด้วยโปรตีน เหล็ก และวิตามินบี นักวิทยาศาสตร์ค้นพบว่า เมื่อรับประทานอาหารที่มีไฟเบอร์ชนิดที่ละลายน้ำได้ (ซึ่งมีในถั่วมาก) ไฟเบอร์จะเคลือบผิวกระเพาะ ทำให้รู้สึกอิ่มเร็ว อิ่มนาน ความอยากอาหารจะลดลง แต่ยังมีสารอาหารอื่นๆ ที่มีประโยชน์ต่อร่างกายอยุ่มากด้วยจึงไม่เหมือนไฟเบอร์อื่นๆ ที่ไม่ให้สารอาหารที่มีคุณค่ากับร่างกาย นั่นทำให้ผู้หญิงรุปร่างดีโดยที่ไม่ขาดสารอาหารด้วย ภาวะที่สตรีต้องสูญเสียเลือดและธาตุเหล็กไปกับประจำเดือนอีกด้วย


บรอคโคลี : เป็นแหล่งซีลีเนียมตามธรรมชาติ ซึ่งช่วยบำรุงผิวพรรณ และช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับผิวหนัง ทำให้ผิวดูอ่อนนุ่มมีน้ำมีนวลเหมือนหนุ่มสาว แถมยังช่วยลดริ้วรอยเหี่ยวย่นได้


กล้วย : ในกล้วยไข่มีสารเบต้าแคโรทีน ที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ เมื่อเราอายุเลย 22 ปีไปแล้ว ความเจริญเติบโตของร่างกายจะเริ่มหยุดชะงัก ความเสื่อมของร่างกายเริ่มมาเยือนช้าๆ ทำให้เซลล์ในร่างกายทุกเซลล์ผลิตอนุมูลอิสระมากขึ้น นอกจากนั้นเมื่อร่างกายเสื่อมสภาพ ความสามารถในการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอก็จะลดลงเรื่อยๆ พร้อมกันนั้นความสามารถในการจำกัดอนุมูลอิสระก็ลดลงอย่างตกใจ ดังนั้นสาวๆ ควรสนใจรับประทานกล้วย โดยเฉพาะกล้วยไข่ให้มากขึ้นก็จะยอดมาก!

ฝรั่ง : เชื่อหรือไม่ว่าฝรั่ง 1 ขีด มีวิตามินซีสูงถึง 180 มิลลิกรัม ซึ่งวิตามินซีนี้มีบทบาทในการสร้าง ‘คอลลาเจน’ ที่ทำให้ผิวพรรณเต่งตึง ยืดหยุ่น ไม่หย่อนยานก่อนวัย

แอปเปิ้ล : มีสารอาหารที่สำคัญคือ เบต้าแคโรทีน วิตามินซี และไฟเบอร์ชนิดละลายน้ำ ที่ชื่อ ‘เพคติน’ ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยลดความอยากอาหาร ลดน้ำหนัก และลดคอเลสเตอรอล ยามใดก็ตามที่หินจนกินช้างหมดตัวได้ กินแอปเปิ้ลสักลูกจะดีกว่ามากๆ เลย (จริงๆ นะ)

ส้ม : แหล่งวิตามิน เกลือแร่ และเส้นใยธรรมชาติอันอุดม รู้ไหมว่า การรับประทานส้มโดยไม่คายกากจะช่วยคุมน้ำหนักได้อีกทางหนึ่ง เพราะจะทำให้อิ่มท้องเร็ว เป็นประโยชน์สำหรับคนที่ต้องการลดน้ำหนักได้อย่างดีทีเดียว



5 เมนูเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ




ทุกวันนี้คุณยังชอบดื่มน้ำอัดลมกันอยู่หรือเปล่า ถ้าตอบว่าใช่ คุณคงต้องเปลี่ยนความคิดกันได้แล้วล่ะค่ะ เพราะเราจะพาคุณไปพบกับเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพที่ทำได้ง่ายๆ และก็มีรสชาติอร่อย ป้องกันและการบรรเทาอาการต่างๆ และไม่ส่งผลเสียต่อร่างกายของคุณอย่างแน่นอนค่ะ..


เมนูเพื่อสุขภาพที่คุณหาซื้อรับประทาน และสามารถทำได้เอง ซึ่งมีทั้งประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกาย และยังช่วยบรรเทาอาการต่างๆ ดีต่อสุขภาพค่ะ..


1.น้ำลูกเดือยทรงเครื่อง
สรรพคุณ : ช่วยขับปัสสาวะ ช่วยเจริญอาหารบำรุงกระดูก บำรุงสายตา
วิธีทำ : นำลูกเดือยและข้าวมันปูกล้องต้มจนเปื่อย แล้วปั่นรวมกัน จากนั้นก็กรองแยกกากออก โรยเกลือเล็กน้อย ก่อนเสิร์ฟนำไปแช่ตู้เย็นให้เย็น หรือดื่มตอนอุ่นๆ ก็ได้


2.น้ำงาดำ
สรรพคุณ :ช่วยรักษาระดับคอเรสเตอรอล ป้องกันไม่ให้เกิดหลอดเลือดอุดตัน หรือหลอดเลือดแข็งตัว บำรุงประสาท แก้เหน็บชา ลดอาการนอนไม่หลับ ป้องกันอาการท้องผูกและเบื่ออาหาร
วิธีทำ :นำงาดำป่น งาขาวป่น ถั่วเหลืองป่นผสมน้ำต้มจนเดือด และใส่น้ำตาลทรายแดงสักหน่อย โรยเกลืออีกสักนิด ก็จะได้น้ำงาดำอร่อยๆ อุ่นๆ พร้อมดื่มได้ทุกวัน


3.โอวัลตินปั่นวุ้นธัญพืช
สรรพคุณ :ในโอวัลตินไฟว์เกรนส์จะมีส่วนผสมของธัญพืชทั้ง 5 ชนิดที่เข้าไปช่วยรักษาสมดุลในร่างกายให้แข็งแรงและสดใส ส่วนลูกเดือยต้มสุกก็มีฤทธิ์เป็นยาเย็น ช่วยแก้ร้อนใน ถั่วเหลืองก็ช่วยลดคอเรสตอรอลและป้องกันโรคหัวใจได้
วิธีทำ :นำโอวัลตินแบบผงหรือโอวัลตินไฟว์เกรนส์มาชงใส่นมข้นหวานแล้วปั่น จากนั้นก็นำวุ้นธัญพืช (ผงวุ้นสำเร็จรูปต้มกับน้ำ แล้วเติมธัญพืช) มาตัดเป็นชิ้นแล้วใส่ลงไปในแก้ว


4.สมูธตี้โยเกิร์ตจมูกข้าวสาลี
สรรพคุณ :โยเกิร์ตและผลไม้ที่ใช้เป็นแหล่งรวมวิตามินทั้งบีและซี ป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจ ช่วยรักษาสุขภาพลำไส้ใหญ่ จมูกข้าวสาลีมีใยอาหารป้องกันท้องผูก และมีวิตามินอี ซึ่งสามารถป้องกันโรคต้อกระจก
วิธีทำ :จมูกข้าวสาลีผง โยเกิร์ตรสธรรมชาติหรือรสผลไม้รวม น้ำส้มคั้น กล้วยหอม น้ำผึ้งแทนหรือน้ำตาลทรายแดง และน้ำแข็ง นำมาปั่นรวมกัน


5.น้ำเต้าหู้ผสมเต้าฮวยธัญพืช
สรรพคุณ :ช่วยในการขับถ่าย ป้องกันมะเร็งทางเดินอาหาร และในถั่วเหลืองจะมีเลซิทิน ซึ่งเป็นสารบำรุงสมอง เพิ่มความจำ ลดไขมัน และลดคอเรสเตอรอลในร่างกาย
วิธีทำ : นำถั่วเหลืองบดด้วยเครื่องพร้อมกับน้ำเปล่า กรองกากออก นำน้ำนมที่ได้ตั้งไฟอ่อนๆ เติมเกลือเล็กน้อย คนเรื่อยๆ แล้วเติมน้ำตาลตามใจชอบ จากนั้นก็เทใส่เต้าฮวยธัญพืช (ผงเต้าฮวยสำเร็จรูปทำตามขั้นตอนแล้วเติมธัญพืชที่ชอบก่อนที่จะจับตัวเป็นวุ้น) ที่ตัดเป็นแบ่งเป็นชิ้นเล็กๆ ลงไปในแก้วน้ำเต้าหู้ ได้ทั้งน้ำได้ทั้งเนื้อ อิ่ม!


ตลอดการทำงาน 5 วัน มารักษาสมดุลให้กับร่างกาย ด้วยเครื่องดื่มที่ผสมธัญพืช 5 ชนิด ที่หาดื่มได้ง่ายๆ ไม่เสียเวลา และทำเองได้ง่ายๆ สามารถดื่มตอนเย็น ก่อนนอน ดื่มตอนเช้าหรือดื่มเป็นของว่างระหว่างวันการทำงาน ก็ทำให้ร่างกายของคุณได้รับสารอาหารที่มีประโยชน์ครบทั้ง 5 ธาตุของร่างกาย ส่งผลให้ตลอดอาทิตย์นั้นคุณรู้สึกสดชื่นและมีสุขภาพแข็งแรงในระยะยาวค่ะ


เมนูปลา..เพื่อสุขภาพ




ป.ปลานั้นหายาก แต่ไม่ต้องลำบากออกเรือไปไหนนะคะ เพราะวันนี้...มีเมนูปลาเด็ดๆที่สุดแสนอร่อยและมีประโยชน์มานำเสนอให้กับคุณแม่บ้านทั้งหลายถึงที่นี่แล้วค่ะ

ปลาช่อนทอดกรอบพุงแตก
ส่วนผสม
ปลาช่อน 1 ตัว ปลาหมึกบั้งหั่นชิ้นพอดีคำ 1 ตัว กุ้งกุลาดำ 3-4 ตัว เนื้อปลากะพงหั่นชิ้น3-4 ชิ้น หอยแมงภู่แกะ 4 ตัว หอมใหญ่หั่นบาง 1/2 หัว มะเขือเทศหั่นเสี้ยว 1/2 ลูก ขึ้นฉ่ายหั่นท่อน 2 ต้น พริกขี้หนูโขลก 2 ช้อนชา แป้งมัน 1/4 ถ้วย น้ำปลา น้ำมะนาว 3 ช้อนโต๊ะ  


เก็บมาฝากอร่อยกับปลา ไม่ยากเลย* ปลาสดๆ ต้องดูให้เป็น ตาจะต้องสดใส เหงือกแดงสด ไม่มีเมือก ถ้าเป็นปลาชนิดมีเมือก เมือกต้องใส เนื้อแน่น กดไม่ยุบ ท้องไม่บวมหรือแตกและเกล็ดสดใสค่ะ  * ทอดปลาไม่ติดกระทะ ต้องคลุกเคล้าปลากับเกลือเล็กน้อยค่ะ กระทะต้องล้างสะอาด ใช้น้ำมันใหม่ น้ำมันต้องร้อนจัดจึงค่อยใส่ปลาลงทอด รอจนเหลืองแล้วค่อยกลับข้าง ถ้าน้ำมันกระเด็นให้ใช้ฝาปิด แต่หมั่นเปิดบ่อยๆและยกฝาออกเร็วๆนะคะ ไม่อย่างนั้นปลาจะไม่กรอบได้* ทำไงดี ปลาช่อนถึงไม่คาว
* เพียงผสมน้ำสายชูกับเกลือป่นในน้ำสะอาด คนให้ละลายเข้ากัน นำปลาช่อนลงล้าง พยายามขัดเมือกปลาให้หมดจด แล้วล้างอีกครั้งด้วยน้ำสะอาด เท่านี้ปลาช่อนก็กิน อร่อย หมดกลิ่นคาวที่ทำให้เสียอารมณ์แล้วล่ะค่ะ


มื้อนี้...ต้องอาหารต้านอนุมูลอิสระ
วิธีทำ
1. ขอดเกล็ดปลาแล้วล้างให้สะอาด ผ่ากลางแบะตัวปลา เลาะเอาก้างและไส้ออก ล้างให้สะอาดอีกครั้งและซับน้ำให้แห้งค่ะ
2. คลุกด้านในของปลาด้วยแป้งมันให้ทั่ว ใส่น้ำมันลงในกระทะ รอจนร้อนจึงใส่ปลาทอดให้เหลือง ปลาจะกรอบนอกนุ่มใน แล้วจึงจัดใส่จาน
3. ใส่น้ำลงในหม้อ ใส่เกลือเล็กน้อย ตั้งไฟพอเดือด ลวกปลาหมึก กุ้ง เนื้อปลากะพง หอยแมงภู่ จนสุกแล้วตักขึ้น
4. ผสมน้ำปลา น้ำมะนาว ซอสพริก และพริกขี้หนู เข้าด้วยกัน เคล้ารวมกับกุ้ง หอย ปลา ปลาหมึก หอมใหญ่ ขึ้นฉ่าย และมะเขือเทศ จนเข้ากัน แล้วจึงนำราดบนตัวปลาค่ะ
 
ของเขาดีจริงๆค่ะ..ถึงได้เก็บเอามาฝากกันค่ะ รู้มั้ยว่าผู้คนในอินเดียและจีนนั้นยกย่องให้เนื้อปลาเป็นยอดของอาหารบำรุงสมอง เพราะในเนื้อปลามีกรดไขมันจำเป็น โอเมก้า 3 (มีมากในปลาทะเล) ซึ่งช่วยบำรุงสมองและระบบประสาทค่ะ เป็นโปรตีนชั้นดี ไขมันต่ำ และย่อยง่าย ใครอยากมีสุขภาพดีล่ะก็...ต้องหันมารับประทานปลากันนะคะ

เคยได้ยินใช่มั้ยคะ ว่าเราควรกินอาหารต้านอนุมูลอิสระ แล้วอาหารที่ว่านี้ มีอะไรบ้าง ทำไมเราต้องต่อต้านอนุมูลอิสระด้วย มีคำตอบมาฝากค่ะ
 
รู้จักอนุมูลอิสระหรือยัง?
อนุมูลอิสระ คือสารประกอบ เช่น อะตอม โมเลกุล ที่ทำปฏิกิริยาทางเคมีด้วยกระบวนการที่ต้องใช้ออกซิเจนในการทำปฏิกิริยา ผลของปฏิกิริยานี้ทำให้เกิดอนุมูลอิสระขึ้น โดยเป็นตัวที่สามารถทำร้ายสุขภาพของคุณและลูกน้อยได้ค่ะ


เจ้าอนุมูลอิสระมาจากไหน?
• อนุมูลอิสระภายในร่างกาย ร่างกายเรามีอนุมูลอิสระที่เกิดขึ้นในกระบวนการเผาผลาญอาหารค่ะ ซึ่งระบบภายในร่างกายจะสามารถขจัดอนุมูลอิสระออกไปได้ แต่ถ้าเราได้รับอนุมูลอิสระในปริมาณที่มากเกินไป ก็จะทำให้เซลล์ในร่างกายถูกทำลายได้เช่นกันค่ะ
• อนุมูลอิสระภายนอกร่างกาย เกิดได้จากสิ่งแวดล้อมรอบๆ ตัว เช่น ควันพิษจากท่อไอเสียรถยนต์ ควันบุหรี่ แสงแดด แสงจากรังสีเอกซเรย์ หรือแม้แต่อาหารที่เรากินเข้าไปค่ะ เช่น อาหารประเภทที่มีส่วนประกอบของไขมันสูงๆ และอาหารปิ้งย่างจนไหม้เกรียม เป็นต้น ซึ่งเจ้าอนุมูลอิสระเหล่านี้ก็จะสะสมอยู่ในร่างกายของคุณและเจ้าตัวเล็ก ถ้าระบบในร่างกายขจัดออกไปไม่หมด อนุมูลอิสระก็จะกลายเป็นสารพิษจะส่งผลให้เซลล์เสื่อม และเป็นสาเหตุให้เกิดการเหี่ยวย่น หย่อนคล้อยของผิวหนัง หรือร้ายแรงกระทั่งเซลล์เจริญเติบโตผิดปกติ จนพัฒนาไปเป็นโรคหลอดเลือดตีบ โรคไขข้ออักเสบ โรคหัวใจ และโรคมะเร็ง โอ้โห...น่ากลัวแบบนี้ กำจัดออกสถานเดียว

กินแล้วดี ไม่มีอนุมูลอิสระ
สารอาหารที่สามารถต้านอนุมูลอิสระได้เป็นอย่างดี คือ

วิตามินเอ อยู่ในผักผลไม้สีแดงและสีเหลือง เช่น มะละกอ มะเขือเทศ ฟักทอง พริกหวาน แครอต มะม่วงสุก เป็นต้น แต่ในผักใบเขียวก็มีวิตามินเอที่ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระได้เช่นกันค่ะ เช่น คะน้า บล็อกโคลี ชะอม เป็นต้น

วิตามินซี พบมากในผลไม้ที่มีรสเปรี้ยวอย่างส้ม มะนาว มะขามและสับปะรด แต่ในผลไม้ที่ไม่เปรี้ยวก็มีวิตามินซีนะคะ เช่น ฝรั่ง แอปเปิ้ล โดยเฉพาะบริเวณเปลือกจะมีวิตามินซีสูง

วิตามินอี จะอยู่ในกลุ่มของน้ำมันพืช เช่น น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันมะกอก น้ำมันเมล็ดดอกทานตะวัน และยังมีในธัญพืชจำพวกเมล็ด เช่น ข้าวโอ๊ต โฮลวีต ข้าวซ้อมมือ ถั่วต่างๆ รวมทั้งในผลไม้ เช่น แคนตาลูป กล้วย เป็นต้น

คุณพ่อคุณแม่ควรเลือกอาหารต้านอนุมูลอิสระเป็นส่วนผสมของเมนูสำหรับเจ้าตัวเล็กและสมาชิกในครอบครัว เพื่อช่วยป้องกันและคงสภาพของเซลล์ในร่างกายให้สดใสอยู่เสมอ รวมทั้งยังช่วยป้องกันโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ ไม่ให้เข้ามาทำร้ายครอบครัวเราได้

เลือกกินอาหารต้านอนุมูลอิสระในทุกมื้ออาหาร ทั้งคุณและลูกก็จะมีร่างกายที่แข็งแรง และป้องกันอนุมูลอิสระที่จะเข้ามาทำร้ายร่างกายของเราและทุกคนในครอบครัว